Breaking News

“กรมชลประทาน” จัดสื่อสัญจร สรุปโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครหลวง ป่าสักใต้ คลองเพรียว-เสาไห้ สระบุรี-อยุธยา

“กรมชลประทาน” จัดสื่อสัญจร สรุปโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครหลวง ป่าสักใต้ คลองเพรียว-เสาไห้ สระบุรี-อยุธยา

วันที่ 18 พ.ย. 2568 นายชนะ เดชฐิติ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครหลวง พร้อมด้วย นายเอกชัย สำเนียงใหม่ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน ผู้แทนโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ และน.ส.สุลักขณา ขำคง หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม ผู้แทนโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาคลองเพรียว-เสาไห้ ร่วมกิจกรรมสื่อสัญจร รับฟังบรรยายสรุปโครงการศึกษาความเหมาะสมปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครหลวง ป่าสักใต้ และคลองเพรียว-เสาไห้ จังหวัดสระบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา


พร้อมเยี่ยมชมพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ (เขื่อนพระราม 6) ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นายชนะ เดชฐิติ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครหลวง กล่าวว่า กรมชลประทาน ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสระบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในด้านการเกษตรและการอุตสาหกรรมของประเทศ กรมชลประทาน จึงได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครหลวง, โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาคลองเพรียว-เสาไห้


รวมพื้นที่ชลประทานประมาณ 526,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสระบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้ 3 โครงการ มีอายุการใช้งานมายาวนานกว่า 50 ปี ทำให้ระบบชลประทานบางส่วนชำรุดเสียหาย ส่งผลให้ประสิทธิภาพการชลประทานลดลง และการใช้น้ำที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยในพื้นที่ที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น กรมชลประทานจึงดำเนินงานโครงการศึกษาความเหมาะสมฯ เพื่อหาแนวทางปรับปรุงโครงการ และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของโครงการ ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน สภาพเศรษฐกิจ สังคม การใช้ที่ดิน และการใช้น้ำที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชลประทานและการบริหารจัดการน้ำให้ดียิ่งขึ้น


สำหรับแนวทางการปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครหลวงที่สำคัญ ๆ ได้แก่ การปรับปรุงคลองส่งน้ำสายใหญ่นครหลวง การปรับปรุงซ่อมแซมระบบส่งน้ำ การปรับปรุงซ่อมแซมระบบระบายน้ำ การก่อสร้างกำแพงป้องกันน้ำท่วม การบริหารจัดการน้ำ และการส่งเสริมด้านการเกษตร รวมทั้งการพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรผู้ใช้น้ำชลประทาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำและการระบายน้ำของโครงการ และเมื่อดำเนินการตามแผนงานแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกได้ประมาณ 71,195 ไร่ ช่วยลดพื้นที่น้ำท่วมได้ 99,204 ไร่ เกษตรกรได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงโครงการประมาณ 8,946 ครัวเรือน และทำให้เกษตรกรมีรายได้สุทธิเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 129,663 เป็น 162,390 บาทต่อครัวเรือนต่อปี


แนวทางการปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ที่สำคัญๆ ได้แก่ การก่อสร้างทำนบสูบน้ำชั่วคราวปากคลองส่งน้ำ จำนวน 9 แห่ง เช่น ปากคลอง 3 ขวา, ปากคลอง 5 ขวา, ปากคลอง 9 ขวา และปากคลอง 10 ขวา เป็นต้น โครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบริเวณปากคลองส่งน้ำ 3 แห่ง (ได้แก่ ปากคลอง 2 ขวา, ปากคลอง 3 ขวา และปากคลอง 7 ขวา) การปรับปรุงซ่อมแซมระบบส่งน้ำ การปรับปรุงซ่อมแซมระบบระบายน้ำ การก่อสร้างกำแพงป้องกันน้ำท่วม การบริหารจัดการน้ำ และการส่งเสริมด้านการเกษตร รวมทั้งการพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรผู้ใช้น้ำชลประทาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำและการระบายน้ำของโครงการ และเมื่อดำเนินการตามแผนงานแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกได้ประมาณ 57,634 ไร่ ช่วยลดพื้นที่น้ำท่วมได้ 34,600 ไร่ เกษตรกรได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงโครงการประมาณ 13,519 ครัวเรือน และเกษตรกรมีรายได้สุทธิเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 129,149 เป็น 158,533 บาทต่อครัวเรือนต่อปี


แนวทางการปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาคลองเพรียว-เสาไห้ที่สำคัญ ๆ ได้แก่ การปรับปรุงสถานีสูบน้ำเสาไห้และสถานีสูบน้ำคลองเพรียว การปรับปรุงซ่อมแซมระบบส่งน้ำ การปรับปรุงคลองส่งน้ำสายใหญ่คลองเพรียว การปรับปรุงซ่อมแซมระบบระบายน้ำ การก่อสร้างแท่นสูบน้ำปลายคลองระบาย (คลองหนองสรวง คลองห้วยบ่า และคลองหนองรู และคลองหนองแค) การก่อสร้างสถานีสูบน้ำปลายคลองหนองแค การก่อสร้างกำแพงป้องกันน้ำท่วม การบริหารจัดการน้ำ และการส่งเสริมด้านการเกษตร รวมทั้งการพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรผู้ใช้น้ำชลประทาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำและการระบายน้ำของโครงการ และเมื่อดำเนินการตามแผนงานแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกได้ประมาณ 70,687 ไร่ ช่วยลดพื้นที่น้ำท่วมได้ประมาณ 3,065 ไร่ เกษตรกรได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงโครงการประมาณ 7,825 ครัวเรือน และทำให้เกษตรกรมีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นจาก 101,100 เป็น 118,752 บาทต่อครัวเรือนต่อปี


จากนั้นในช่วงบ่าย ได้มีการจัดกิจกรรมปัจฉิมนิเทศโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาคลองเพรียว–เสาไห้ ณ ที่ว่าการอำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี โดยมีนายบุรีรัตน์ วงศ์บุรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการ เข้าร่วมกิจกรรมฯ รับฟังข้อมูลโครงการฯ พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อการปรับปรุงโครงการทั้งสามแล้วเสร็จตามที่ได้กำหนดไว้ จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและการชลประทาน ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำ ให้สอดคล้องกับสภาพสังคม การใช้ที่ดิน การเกษตร และกิจกรรมการใช้น้ำในปัจจุบัน เพื่อสร้างความสมดุล และความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชุมชนในพื้นที่ชลประทาน
#กรมชลประทาน
#สื่อสัญจร
#โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครหลวงป่าสักใต้คลองเพรียวเสาไห้