Breaking News

โรงพยาบาลสามพราน แจงประสานครอบครัวแม่วัย19ลูกดับหลังคลอด แต่ไม่มาพบก่อนเป็นข่าว ย้ำยังรอพบเพื่อหารือร่วมกัน

โรงพยาบาลสามพราน แจงประสานครอบครัวแม่วัย 19 ลูกดับหลังคลอด แจงเร่งประสานแต่ไม่มาพบก่อนเป็นข่าว ย้ำยังรอพบเพื่อหารือร่วมกัน

รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสามพราน แจ้งกรณีแม่วัย 19 ปีคลอดลูกแล้วสำนักขี้เทาเสียชีวิต โดยได้ประสานเพื่อเข้ากระบวนการรับการช่วยเหลือควบคู่กับการสอบสวนขั้นตอนการรักษาตามหลักการแพทย์อยู่ตลอดแต่ทางแม่เด็กบ่ายเบี่ยงยังไม่ยอมมาพบกระทั่งปรากฏเป็นข่าว ย้ำโรงพยาบาลสามพรานยังรอหารือพูดคุยทำความเข้าใจอยู่ตลอดเวลา ขอเพียงมาพบร่วมกัน ซึ่งทำข้อมูลดำเนินการมาตรการ 41 ในการเยียวยารอไว้แล้ว โดยไม่ต้องรอว่าใครผิดหรือถูกส่วนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม แจ้งรับทราบเรื่องก่อนหน้าเป็นข่าวแล้วอยู่ในขั้นสอบสวนและให้โรงพยาบาลสามพรานดำเนินการประสานความเข้าใจ กับครอบครัวผู้เสียชีวิตเพื่อมาหารือกัน โดยยังต้องรอผลการสอบสวนอีกทางหนึ่ง
วันที่ 25 มิ.ย.68 จากกรณีที่นางณี อายุ 43 ปี และน.ส.อร อายุ 19 ปี ยายและแม่ (ทั้งสองนามสมมุติ) เดินทางจาก จ.นครปฐม เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอความเป็นธรรม โดย น.ส.อร แจ้งว่า ตนต้องสูญเสียลูกสาวที่เพิ่งคลอดออกมาได้ 5 วัน หลังวันที่ 18 มิ.ย.68 ลูกสาวปวดท้องคลอดลูก ตอนตี 2 ของวันที่ 18 มิ.ย.68 ซึ่งเป็นท้องครั้งแรก ระหว่างนอนรอคลอด ลูกสาวรู้สึกปวดท้องถี่ขึ้นเรื่อยๆ กระทั่ง 8 โมงกว่า ปากมดลูกเปิด 8 เซนติเมตร มีน้ำคร่ำและเลือดไหลออกมา เด็กพร้อมจะออก แต่พยาบาลสั่งให้อั้นเอาขาหนีบไขว่กันไว้ข้างหลังก่อน โดยอ้างว่า ยังไม่พร้อม จนกระทั่งเวลา 09.00 น.เศษ เด็กคลอดออกมามีภาวะสำลักขี้เทาเสียชีวิต

น.ส.อร กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเป็นพนักงานบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง ได้ค่าแรงวันละ 339 บาท ใช้สิทธิประกันสังคมในการรักษา ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ตนได้ไปฝากท้องที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่ 1 และไปตามนัดของแพทย์ทุกครั้งจนท้องเข้าเดือนที่ 9 เดือนมิ.ย.68 ไปพบแพทย์วันที่ 4 มิ.ย. และ 11 มิ.ย.68 แพทย์แจ้งว่า แม่และลูกแข็งแรงดี และมีกำหนดคลอดคือวันที่ 22 มิ.ย.68 โดยแพทย์นัดให้ไปพบอีกครั้งก่อนกำหนดคลอดในวันที่ 18 มิ.ย.68 แต่จู่ๆ คืนวันที่ 17 มิ.ย. ต่อเนื่องวันที่ 18 มิ.ย. เวลา 02.00 น. ตนได้ปวดท้องมากเหมือนจะคลอดลูกจึงรีบไปโรงพยาบาลกลางดึก พยาบาลตรวจพบว่าปากมดลูกเปิด 2 เซนติเมตร จึงให้นอนรอในห้องคลอดก่อน

ต่อมาเวลาประมาณ 6 โมงกว่า พยาบาลได้มาตรวจปากมดลูกอีกครั้งพบว่าเปิด 4 เซนติเมตรแล้ว ตนเริ่มมีอาการปวดท้องมากและปวดถี่ขึ้นเรื่อยๆ และมีน้ำคร่ำปนเลือดไหลออกมาเยอะมาก พยาบาลได้นำผ้ารองเตียงผืนใหม่มาเปลี่ยนให้และบอกให้รอจนกว่าปากมดลูกจะเปิดเต็มที่ก่อน ตนรู้สึกว่าปวดท้องจะไม่ไหวแล้ว ตนจึงถามพยาบาลว่าขอผ่าคลอดหรือเร่งให้คลอดได้ไหม พยาบาลบอกไม่ได้ต้องรอจนกว่าจะถึงเวลาคลอด กระทั่งเวลาประมาณ 8 โมงกว่า ตนปวดท้องมากเหมือนเด็กจะโผล่หัวออกมา พยาบาลมาดูก็บอกปากมดลูกเปิด 8 เซนติเมตร แต่พยาบาลบอกยังไม่พร้อม ให้ตนเปลี่ยนท่านอนตะแครงข้างเอาขาหนีบไว้แล้วไขว้ไปข้างหลังอั้นเอาไว้ก่อน ระหว่างนั้นมีเคสรายใหม่ปวดท้องคลอดเข้ามาพยาบาลประมาณ 6-7 คน จึงพากันไปอยู่ที่เตียงนั้น จนเวลาประมาณ 9 โมงกว่า ตนปวดท้องมากจึงร้องโอดโอยพยาบาลจึงเดินเข้ามาถามว่าปวดมากไหม ตนตอบไปว่าปวดมากไม่ไหวแล้ว จากนั้นพยาบาลให้ตนนอนหงายท้องอ้าขาและบอกว่าหัวเด็กโผล่ออกมาแล้ว จากนั้นเด็กก็คลอดออกมาทันที แม่ได้ยินเสียงลูกร้องแอะครั้งเดียวก่อนจะเงียบไป ประมาณ 5 นาที พยาบาลได้มาแจ้งกับตนว่า เด็กเกิดภาวะขาดออกซิเจน, สำลักขี้เทา จะต้องรีบส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่ 2 ในจ.นครปฐม โดยด่วน หลังส่งลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่ 2 ได้ 5 วัน เด็กอาการยังอยู่ในขั้นวิกฤติ แพทย์พยายามรักษาจนสุดความสามารถมาแต่ก็ยื้อชีวิตเด็กไว้ไม่ได้ ลูกของตนได้เสียชีวิตลงในเวลา 10.47 น. วันที่ 23 มิ.ย.68 โดยแพทย์ระบุสาเหตุการตายจาก “ภาวะสำลักขี้เทา”น.ส.อร กล่าวอีกว่า แม่และครอบครัวยังทำใจไม่ได้ที่สูญเสียลูกสาวคนแรกที่อุตส่าห์อุ้มท้องถึง 9 เดือน ประคบประหงมอย่างดี ไม่น่าที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แม่และครอบครัวติดใจสงสัยการให้บริการของโรงพยาบาลแห่งที่ 1 ปล่อยให้ปวดท้องนานเกินไปจนน้ำคร่ำแตกแล้วแต่ยังไม่ยอมให้คลอด ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียลูกที่อุ้มท้องมา 9 เดือน จึงอยากให้ รพ.ปรับปรุงการให้บริการดูแลเอาใจใส่ผู้ป่วยให้มากกว่านี้ ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับครอบครัวใครอีก และต้องการความเป็นธรรม ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว

หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับ น.ส.อร และครอบครัว โดยจะประสาน นายแพทย์วิโรจน์ รัตนอมรสกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบ 1.การบริการของโรงพยาบาลแห่งที่ 1 ว่าเพราะเหตุใดเมื่อน้ำคร่ำแตกแล้วจึงไม่ทำคลอดให้เด็กออกมา 2.ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของทารกว่าเพราะเหตุใด เพื่อให้กระจ่างและความเป็นธรรมกับน.ส.อร และครอบครัวต่อไป

ผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยัง นพ.วิโรจน์ รัตนอมรสกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม ซึ่งติดภารกิจทางราชการซึ่งได้แจ้งว่าได้ทราบเรื่องเบื้องต้นจากรายงานของโรงพยาบาลต้นสังกัดและโรงพยาบาลที่รับตัวมาแล้ว ซึ่งจะมีการดำเนินการตามกระบวนขั้นตอนในการตั้งทีมสอบสวนข้อเท็จจริงไปแล้วซึ่งตอนนี้ได้เป็นไปตามหลักการของการดำเนินการอยู่ในกระบวนการ

ต่อมาผู้สื่อข่าว ได้ประสานไปยังโรงพยาบาลสามพราน ซึ่งนางพัชรี เกษรบุนนาค รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสามพราน ซึ่งได้แจ้งว่า เหตุการณ์ดังกล่าวตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น ตอนนี้ได้รับการกำชับจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลสามพราน และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม ในการติดตามเรื่องดังกล่าวไปตั้งแต่ยังไม่มีการร้องเรียนไปยังมูลนิธิปวีณา ซึ่งทางโรงพยาบาลสามพราน ไม่ได้มีการนิ่งนอนใจ และพยายามประสานไปยัง น.ส.อร แม่เด็กตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยได้มีการนัดหมายมาพบกับทีมคณะทำงาน เพื่อจะมาหารือกันในการหาทางช่วยเหลือ เยียวยาซึ่งมีมาตร 41 รองรับอยู่แล้ว โดยนัดหมายในวันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน ซึ่งทาง น.ส.อร แม่เด็กแจ้งมาว่าขอทำศพลูกให้เสร็จสิ้นก่อน จากนั้นได้แจ้งนัดเป็นเวลา 13.30 น.ในวันอังคารที่ 23 มิถุนายน แต่เมื่อถึงวันนัดหมาย ก็ไม่ได้มาตามนัดและทางโรงพยาบาลสามพราน ได้พยายามติดต่อไปหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบตกลงในการมาพบกัน กระทั่งปรากฏเป็นข่าวในวันนี้

รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสามพราน กล่าวว่า ตอนนี้ทางโรงพยาบาลสามพราน ก็ยังรอรับการนัดหมายจากครอบครัวของเด็กซึ่งรอว่าทางเขาจะพร้อมเมื่อไหร่เพื่อจะหารือในการบรรเทาควบคู่กับการสอบสวนข้อเท็จจริงตามหลักของกระบวนการรักษาซึ่งจะมีการชี้แจงให้เข้าใจอย่างชัดเจนตามหลักการทางการรักษาซึ่งยอมรับว่าในการคลอดมีโอกาสเกิดในกรณีที่เด็กจะสำลักขี้เทาได้ จากการตลอดและตอนนี้ทีมสอบสวนการรักษาโรคก็กำลังรวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดทั้งหมดมาประเมินหาผลสรุปอย่างเร่งด่วนแล้ว