หลวงพี่น้ำฝน ให้ธรรมะดีๆ ตราบวันสุดท้ายของคุณยายพูน
เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน อาตมาเขียนต้นฉบับนี้เมื่อได้ทราบข่าวเศร้า คือ คุณยายพูน เอี๊ยวถาวร ได้ถึงแก่กรรมโดยสงบแล้ว คุณยายท่านนี้สำคัญกับอาตมาอย่างไร ก็ต้องกล่าวย้อนหลังไปเมื่อราวสี่ปีที่แล้ว
เมื่อสี่ปีที่แล้ว ปี พ.ศ.2561 เรื่องราวของยายพูน เอี๊ยวถาวร เป็นที่รับรู้ในจังหวัดนครปฐม ว่าเป็นหญิงชราอายุกว่า 94 ปีที่อาศัยอยู่ในเพิงเล็ก ๆ อายุกว่า 20 ปี ริมถนนเพชรเกษม จังหวัดนครปฐม อยู่ตัวคนเดียวมาสองปีเพราะสามีเสียชีวิตลง ญาติมิตรลูกหลานก็ไม่มี ความเป็นอยู่นับได้ว่ายากลำบากแสนสาหัส เพราะตัวยายพูนนั้นก็ลุกยืนเดินไม่ได้ ต้องนั่งแล้วกระเถิบตัวไปเรื่อย ๆ เพื่อทำกิจต่าง ๆ เช่น ซื้อข้าวซื้อน้ำ ร้านอยู่ห่างไปสี่สิบเมตร กระเถิบไปก็ครึ่งชั่วโมง กระเถิบกลับก็ครึ่งชั่วโมง ไปกลับหนึ่งชั่วโมงพอดี เพิงที่อยู่ก็เก่าแก่เต็มที มีหญ้าขึ้นรก และเริ่มมีตะขาบเข้ามาบ้างแล้วอาตมาได้รับทราบเรื่องราวเหล่านี้แล้ว เห็นข่าวแล้วรู้สึกสะเทือนใจ ที่สังคมปัจจุบันนี้ ยังมีคนชราวัยกว่า 90 ปี ไร้ญาติ ไร้ที่พักพิงถาวร ต้องมาตกระกำลำบากเพียงลำพัง แถมซ้ำดวงตาก็มองไม่เห็น ด้วยมนุษยธรรม อาตมาเป็นสงฆ์ สงเคราะห์อะไรได้ ก็สงเคราะห์ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป โดนไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่ร้องขอใครให้มาร่วมช่วย เราทำได้แค่ไหน เราก็ทำ ดีกว่ายืนมอง ไม่ทำอะไรเลย อาตมาตั้งใจดังนี้แล้ว จึงเดินทางไปยังที่อยู่ของยายพูน
สภาพที่ได้ไปเห็นวันนั้นเป็นที่น่าเวทนาจริง ๆ สภาพเพิงยายพูนก็เป็นเพิงเก่า ๆ มีหญ้าขึ้นรก ไฟฟ้าประปาก็ไม่มี คิดในใจอย่างแรกว่าแบบนี้อันตรายนะ งูเงี้ยวเขี้ยวขอมาจะทำอย่างไร พอเข้าไปถึงเพิง กลิ่นปัสสาวะ อุจจาระคลุ้งเลย เข้าใจว่ายายก็คงทำกิจส่วนตัวในเพิงนั่นแหละ เพราะมีคราบอุจจาระติดเรี่ยราดอยู่ตามพื้นเพิงด้วยเดินไปไหนไม่ได้ อาหารการกินก็พอมี แต่ก็เริ่มจะบูดเสียแล้ว วันนั้นอาตมาจึงตัดสินใจระดมกำลังจากวัดไผ่ล้อม ทั้งพระสงฆ์องค์เจ้าและเด็กวัด มาระดมแรงระดมกำลังกันถางพงหญ้ารก โดยมีรถขนขยะจากเทศบาลนครนครปฐมมาร่วมขนขยะและหญ้ารกออกไปทิ้ง และสร้างเพิงพักให้ใหม่ ให้สะอาดถูกสุขอนามัย และสร้างห้องน้ำให้ด้วย อีกทั้งยังขอต่อน้ำ ต่อไฟ เพื่อให้คุณยายได้ใช่ในเพิงพักด้วย
วันนั้นอาตมาไม่อยากคิดว่าจะเหลือคุณยายพูน ที่อยู่อย่างลำพังริมถนนเพชรเกษม สอบถามแล้วก็อยู่มาก่อนถนนเพชรเกษมตัดใหม่จะสร้าง โดยจากวันนี้ก็จะได้มีการประสานให้กลุ่มโรงเรียนผู้สูงอายุวัดไผ่ล้อม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลได้เข้ามาดูแลเรื่องการตรวจสุขภาพให้ก่อน และจะมีการออกมาเยี่ยมเยียนเป็นประจำเพื่อดูแลกันในระยะบาง โดยเป้าหมายหลักคือการทำให้สุขภาพของผู้สูงวัยรายนี้มีสุขภาพอนามัยที่ดีในช่วงบั้นปลายของชีวิต และภารกิจนี้ถือว่าเป็นภารกิจที่พระสงฆ์ต้องดูแลในเรื่องของสาธารณสงเคราะห์ และเรื่องการแสดงออกในเรื่องการดูแลผู้สูงอายุเป็นสิ่งที่ต้องทำและใส่ใจ อาตมาได้ชวนยายพูนให้ไปอาศัยที่วัดแต่ก็ได้บอกมาว่าไม่อยากไป เพราะชอบอยู่ตรงนี้ แต่ห้องน้ำไม่มีก็จะจัดทำห้องน้ำให้ได้ขับถ่ายอย่างสะดวกหาไฟต่อเข้ามาให้ใช้เปิดพัดลมเพื่อจะได้มีคุณภาพที่ชีวิตที่ดีขึ้น และขอมอบให้ยายพูนจากคณะสงฆ์เป็นของขวัญวันแม่ โดยไม่มีการเรี่ยไรจากใคร พระทุกรูปและเจ้าหน้าที่วัดมาด้วยใจจริง ๆ และดูแล้วก็จะไม่มีการให้เงินสด เพราะอาจจะเป็นอันตรายกับยายพูน แต่จะมีการนำข้าวของมาให้ใช้ไม่ให้ขาดตกหล่นในระยะยาวจะเหมาะกว่า
ภายใต้รอยยิ้มของคุณยายพูน อาตมาได้รับรู้เรื่องน่าตกใจอย่างหนึ่ง ด้วยความยากลำบากในชีวิตที่ผ่านมา คุณยายเองก็อยากคิดสั้น แต่พอธารน้ำใจทั้งจากวัดไผ่ล้อม หน่วยงานราชการต่าง ๆ และธารน้ำใจ กำลังใจจากพี่น้องประชาชนไหลมา คุณยายก็ยิ้มอย่างมีความสุข บอกว่าวันนี้ดีใจที่มีคนมาเยี่ยม ตอนนี้ไม่ได้อยากได้อะไร หลวงพี่น้ำฝนชวนไปอยู่วัดไผ่ล้อมและสอบถามว่าจะให้ไปอยู่บ้านพักคนชรา แต่ไม่อยากไปเพราะอยากอยู่คนเดียวตรงนี้ แต่ถ้าทำที่พักให้ใหม่ก็อยากได้ วันนี้ไม่เหงามีคนมาเยอะ มาช่วยกันให้ของใช้ ทำให้ไม่คิดสั้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว และขอขอบคุณคนที่มาช่วยทุกคนให้เจริญก้าวหน้าขอให้รวยกันทุกคนด้วย
หลังจากวันนั้น คุณยายได้ทำบัตรประชาชนใหม่แทนบัตรใบเก่าในกระเป๋าที่ถูกขโมยไปอาตมาได้พาคุณยายไปที่อำเภอเองเลยทีเดียวแล้วทำบัตรผู้สูงอายุ คนพิการ เพื่อให้ได้รับสิทธิต่าง ๆ อย่างเบี้ยคนชรา เบี้ยคนพิการ มีเจ้าหน้าที่ภาครัฐ และคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อมผลัดเปลี่ยนมาดูแลเป็นระยะสม่ำเสมอ แม้แต่ในระยะที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ได้ดูแลคุณยาย คุณยายก็มิได้ติดโรคโควิดแต่อย่างใด
กระทั่งมาถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2565 เวลาประมาณห้าโมงเย็น คุณยายก็ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยโรคชรา อาตมาก็ได้รับร่างคุณยายมาตั้งบำเพ็ญกุศล สวดพระอภิธรรมที่วัดไผ่ล้อม เป็นเวลาสามวัน กำหนดตั้งแต่วันที่ 21-23 สิงหาคม 2565 และในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 ก็จะฌาปนกิจในเวลา 16.00 น. ก็นับได้ว่าจะได้เป็นไปตามความตั้งใจของอาตมาตั้งแต่ต้นที่จะดูแลคุณยาย นับแต่วันนั้นตราบถึงวันสุดท้ายของคุณยายพูน
สุดท้ายนี้ อาตมาขออนุโมทนาแก่ทุก ๆ ความช่วยเหลือ ทุก ๆ ความตั้งใจ ทุก ๆ กำลังที่ได้ช่วยยายพูนมาตลอดสี่ปีนี้ ขอให้บุญกุศลของพวกเราทุกคนจงสำเร็จ เป็นบุญกุศลอุทิศให้ยายพูนไปสู่สุคติภพด้วยเทอญ
